วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2555

ประวัติริว จิตสัมผัส

วันนี้ Horoworld นำเรื่องราวเกี่ยวกับ จิตสัมผัส มานำเสนออีกครั้ง สืบเนื่องจากหนุ่มฉายา ริว จิตสัมผัส ลายมือบอกชีวิต ได้ ไปเปิดเผยตัวเองว่าเป็นคนที่มีพลังจิตพิเศษ ในรายการ ตีสิบ เมื่อคืนที่ผ่านมา(9 มิ.ย.52) คุณ ริว จิตสัมผัส สามารถ หยั่งรู้ และสัมผัสถึง เรื่องราวชะตาชีวิตของคนเราได้ หรือที่เรียกกันว่า จิตสัมผัส นั่นเอง โดยดูจากลายมือ(เขียน) ดูเลข 0-9 ดูลายเซ็น เลขที่บ้าน

คุณ ริว จิตสัมผัส เป็นคนจังหวัดนราธิวาศ ปัจจุบันอายุ 31 ปี มีอาชีพเป็น VJ รายการช่อง MVTV สอนร้องเพลงกับน้องๆที่ด้อยโอกาส คุณริวเล่าว่าตั้งแต่ 10 ขวบก็ไม่ทานเนื้อสัตว์ เนื่องจากเห็นทุกอย่างเป็นเลือดไปหมด ทุกวันนี้ทานแต่อาหารเจ





การเริ่มต้นการมีจิตสัมผัสตั้งแต่เหตุการณ์คุณพ่อเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถ ยนต์ แล้วทางบ้านจะเอาเรื่องทางกฎหมายกับคู่กรณีให้ถึงที่สุด ระหว่างนั้น คุณ ริว จิตสัมผัส เริ่มมีปฎิกิริยากับตัวเองโดยมองเห็นคำว่าตายเป็นภาษาจีนบนหน้าของคู่กรณี คุณ ริว จิตสัมผัส จึงบอกทางบ้านไม่ต้องเอาเรื่องกับคู่กรณีคนนี้และมาทราบทีหลังว่าเขาเป็นโรค เอดส์จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน คุณริวก็แนะนำให้เขาไปบวช จากนั้นคุณ ริว ก็นำลายเซ็นของคุณพ่อมาดูก็เห็นการสิ้นสุดอายุขัยของคุณพ่อ

คุณ ริว จิตสัมผัส สามารถสื่อสารกับเทพกวนอูได้ ซึ่งดำริให้คุณริวต้องออกมาช่วยเหลือผู้คน โดยต้องไม่รับทรัพย์สิน เงินทองใดๆ ไม่รับเงินจากการแก้กรรมใดๆ ไม่เปิดตำหนัก ไม่ออกหนังสือ ซึ่งคุณ ริว ก็มีความตั้งใจออกมาช่วยเหลือผู้คนด้วย ท้ายรายการคุณริวมีการฝากเตือนว่าทุกวันนี้มีคนทำแท้งเยอะมากซึ่งเป็นวิบาก กรรมที่ยิ่งใหญ่มาก อีกอย่างอยากให้คนไทยทุกคนร่วมสร้างคุณงามความดีถวายในหลวงของเราโดยการกิน เจในวันพระ


Horoworld เคยนำเสนอเรื่องราวของเขาคนนี้ไปแล้วเมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ในฐานะของ ริว ปาณรวัฐ ลิ่มรัตนอาภรณ์ นักพยากรณ์ดาวรุ่งพุ่งแรง

"ผมสนใจเรื่องศาสตร์การทำนาย การพยากรณ์ ผมเชี่ยวชาญ และลักษณะการทำนาย ดูดวงชะตาโดยการรับรู้ด้วยสัมผัสพิเศษ และพลังจิต จากลายมือ ดูเหตุการณ์เฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน หรือจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ การงานและชีวิตความเป็นอยู่ โดยไม่มีการอ้างอิงถึงบุคคลที่สาม ผมจะเน้นแนะนำให้คำปรึกษา วิธีแก้ไขโดยใช้หลักของเหตุและผล"


ริว ปาณรวัฐ ใช้ลายมือเป็นสื่อในการทำนาย โดยสามารถให้ผู้ที่สนใจจะตรวจดวงชะตา เขียนชื่อ-สกุล ตัวเลข วัน เดือน ปีเกิดตามนักษัตร และแน่นอนว่า Horoworld จะมีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การทำนายทายทักจากลายมือ มานำเสนอเพิ่มเติม คนชอบเรื่องดวงตามติดกันให้ดี!

ส่วนในเรื่องราวของ จิตสัมผัส โดยภาพรวมจากข้อมูลที่ทีมงาน Horoworld ไปค้นคว้ารวบรวมมาจากผู้เชี่ยวชาญด้านพลังจิตนั้น พอจะอธิบายเรื่องของจิตสัมผัสได้ว่า ทุกคนมีจิตสัมผัส จิตสัมผัสเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนตอนที่คุณเห็นคนคุ้นเคยนั่งนิ่งๆ แต่รู้สึกได้ว่าในหัวเขากำลังอัดแน่นด้วยพายุความฟุ้งซ่าน หรือคุณฟังเซลขายของพูดๆไป คุณรู้สึกได้ว่าเขาพูดโกหก

แต่ถึงแม้ว่า จิตสัมผัส จะเป็นเรื่องธรรมดา แต่จิตสัมผัสก็มีทั้งหยาบและละเอียด สัมผัสหยาบๆของคนธรรมดานั้นเกิดขึ้นเมื่อมีภาพเสียงมากระทบหูตาเสียก่อน หรือแม้เกิดสังหรณ์ก็ผิดบ้างถูกบ้าง ต่างจากสัมผัสทางจิตที่ละเอียด คมชัด และแจ่มแจ้งของผู้ทรงสมาธิระดับฌาน ซึ่งไม่ต้องรอภาพเสียงมากระทบหูตา คนอยู่ตรงหน้ายังไม่พูดก็อาจรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไร เป็นต้น

ไม่เฉพาะแต่ความคิดคนอื่นที่จิตสามารถสัมผัสได้ แต่ยังเป็นกรรม เป็นวิบาก เป็นอดีต เป็นอนาคตของใครๆ หรือแม้กระทั่งความมีอยู่ของสิ่งเร้นลับในโลกและนอกโลก ระดับความสามารถสัมผัสของแต่ละคนไม่เท่ากัน

ทางพุทธเชื่อว่าผู้มีจิตสัมผัส รู้เห็นอะไรๆได้แจ่มแจ้งแทงตลอดถึงที่สุดมีอยู่คนเดียวคือพระพุทธเจ้า ท่านสั่งสมบารมีมาหลายด้าน ไม่เฉพาะสมาธิและปัญญา แต่ยังมีมหาทานประมาณอนันต์เป็นองค์ประกอบ จึงอาจรู้ทุกสิ่งที่ต้องการรู้โดยไม่มีสิ่งใดติดขัด ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง ไม่ว่าจะเป็นชื่อคน ตลอดจนวิธีเกิดดับของจักรวาล และท่านก็รู้ด้วยว่าเรื่องทุกข์และวิธีดับทุกข์น่าพูดถึงที่สุดในโลก เรื่องอื่นหาประโยชน์ไม่ได้เท่า

สำหรับในวงการโหราศาสตร์มีการใช้ จิตสัมผัส ในการพยากรณ์ดวงชะตาด้วย โดยสามารถล่วงรู้ และทำนายได้ทั้งอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต พร้อมแนะแนวทางแก้ไข

อย่างไรก็ตามควรพิจารณาอย่างรอบครอบ และศึกษาเรื่อง จิตสัมผัส รวมถึงตัวของหมอดูที่อ้างตัวว่ามี จิตสัมผัส สามารถทำนายทายทักให้ได้ เพื่อที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อของพวกที่แอบอ้างเพียงเพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัว

ประวัติลัดดาแลนด์











ตามคนเก่าคนแก่ก่อนได้เล่าว่า .....
   
เมืองเชียงใหม่...เมื่อก่อนย้อนไปน่าจะซัก 30 กว่าปีได้
ลัดดาแลนด์เป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวที่โด่งดังมากเพราะมีสวนกล้วยไม้ที่ใหญ่มากๆ 
มีทั้งช้างให้นั่ง มีรถม้า มีรถไฟเล็ก การแสดงฟ้อนรำต่างๆ 
มีค่าบัตรด้วยน่าจะ 8 บาทหรือ 10 บาทประมานนั้น
ทำให้หน้าหนาวทุกปีจะมีคนขึ้นมาเที่ยวเยอะมาก

เจ้าของคือ คุณนายลัดดา (ไม่ทราบนามสกุล)
เป็นสถานที่ยอดฮิตของวัยรุ่นสมัยนั้นจะไปออกเดทกันเพราะมีความเชื่อว่า
คู่ไหนไปอธิฐานขอความรักกับต้นไทรหน้าลัดดาแลนด์แล้วคู่นั้นจะได้รักกันไปตล อดชีวิต
 ส่วนประชากรในหมู่บ้านทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นคนที่มีฐานะดีเข้าไปอยู่ 
จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านเศรษฐีก็ได้

 

แต่เรื่องของเรื่อง หรือต้นเหตุแห่งความเฮี้ยนมาเกิดขึ้น
ตอนที่บ้านหลังหนึ่งถูกโจรขึ้นและโดนคนร้ายฆาตกรรมเสียชีวิตทั้งครอบครัว
แล้วเรื่องสยองขวัญสั่นประสาทก็เริ่มขึ้นจากตรงนี้เพราะคนที่อยู่ใกล้ๆ กับบ้านหลังนั้น
บางคืนก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้บ้าง อะไรบ้าง 
บางคืนก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
หรือบางครั้งก็ได้ยินเสียงหัวเราะ 

แต่จุดที่ผู้คนแถบนั้นเจอความเฮี้ยนกันจนอยู่ไม่ได้คือ
บางคืนคนแถวนั้นจะเห็นครอบครัวที่เสียชีวิตไปแล้วออกมายืนหน้าบ้าน 
ออกมารดน้ำต้นไม้ คนที่ผ่านไปมาโดนหลอกทุกคน 
ทำให้ตอนเที่ยงคืนจนถึงเช้าไม่มีใครจะกล้าออกจากบ้านเลย

นานวันเข้ายิ่งเฮี้ยนหนักจนถึงขั้นตามมาหลอกถึงบ้าน 
คนแถวนั้นอยู่ไม่ไหวเลยพากันย้ายออกไปเกือบหมด 
ทำให้แถวนั้นกลายเป็นบ้านร้างเยอะ แต่ยังมีบ้านอีก 3 หลังที่ยังไม่ไปไหน 
และ 1 ใน 3 หลังนั้นเจ้าของเป็นฝรั่งไม่ค่อยได้อยู่ แต่จะบินมาเที่ยวเฉพาะฤดูหนาว
เพราะอย่างที่หร่อนๆ รู้กันว่าเมืองเชียงใหม่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อมาก

เจ้าของบ้านที่เป็นฝรั่งท่านนั้นได้จ้างเด็กสาวชาวพม่ามาเฝ้าบ้าน
แต่ผ่านไปไม่นานก็มีโจรมาขึ้นบ้านหลังนั้น และฆ่าเด็กสาวคนนั้น
แล้วหมกศพไว้ในห้องเก็บของใต้บันได 
กว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาพบก็ผ่านไปเกือบ 2 เดือน

สาเหตุที่ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาพบได้ก็คือ
บ้านที่ยังเหลืออยู่ใกล้ๆ กัน ได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจากในบ้าน
แต่ก็ไม่ได้สงสัยเพราะยังคงเห็นเด็กสาวคนนี้มานั่งอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านทุ กวัน
จนวันหนึ่งเพื่อนบ้านดังกล่าวทนกลิ่นเหม็นเน่าที่โชยคละคลุ้งไม่ไหว 
จึงได้ตะโกนบอกเด็กสาวคนนั้นว่าให้ทำความสะอาดบ้านบ้าง อะไรบ้าง เพราะอาจจะมีหนูตาย
พูดยังไม่ทันจบ เด็กสาวก็หันหน้าเละๆ มา 
เพื่อนบ้านก็เลยรีบวิ่งแจ้นไปแจ้งความและแจ้งให้เจ้าของบ้านทราบ
พอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเปิดบ้านเพื่อทำการตรวจสอบจึงพบศพดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะพบศพและได้ทำพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลทางศาสนาแล้ว
แต่เด็กสาวคนนั้นก็ยังมานั่งอยู่ที่เดิมทุกวัน 
ถ้านั่งธรรมดาไม่มายุ่งกะชาวบ้านก็คงจะดี ไม่มีใครเดือดร้อน
แต่เพื่อนบ้านแถบนั้นเล่าว่า บางคืนเด็กสาวจะตามมายืนมอง
ที่หน้าต่างห้องนอนตอนนอนกลางคืนเลยด้วยซ้ำดังนั้นเพื่อนบ้านทั้งแถบจึงพากั นย้ายออกอย่างไม่เสียดายบ้าน 
 
 
 
เรื่องเล่าเขย่าขวัญมากมายเกี่ยวกับลัดดาแลนด์
ที่คนเชียงใหม่น่าจะรู้และจำกันได้ดี ยกตัวอย่างเช่น
 

 
1. มีคู่รักคู่หนึ่งที่รักกันมากและมาอธิฐานขอให้ความรักสมหวังกับต้นไทรที่ลัด ดาแลนด์
แต่แล้วพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ยอมรับฝ่ายชาย ทั้งสองจึงมาแขวนคอตายคู่กันที่ใต้ต้นไทรนั้น
คนแถวนั้นเล่ากันว่า ทุกวันครบรอบวันที่ทั้งคู่ผูกคอตายเวียนมาบรรจบ (ดิชั้นไม่รู้นะคะว่าวันไหน) 
คนแถวนั้นจะเห็นทั้งคู่ห้อยหัวโตงเตงพร้อมกับส่งยิ้มมาให้คนที่ผ่านไปมาได้พ บเห็น

2. ช่วงก่อนที่จะสร้างสวนสาธารณะนี้เสร็จ ตอนที่ขุดหลุมเพื่อที่จะทำบ่อน้ำ
ทางโครงการได้พบกับโครงกระดูกมนุษย์จำนวนหนึ่ง แต่ไม่เปิดเผยให้บุคคลทั่วไปได้ทราบกัน

 3. เมื่อ 10 กว่าปีก่อนสถานที่แถวนั้นเป็นที่รกร้างและเปลี่ยวมาก 
จึงมีการนำศพคนตายที่ถูกปล้นหรือถูกฆ่าข่มขืนมาทิ้งไว้ที่นั้น 
ที่พอทราบมา ณ ขณะนี้ จากรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจคือ 
อย่างน้อยๆ ก็ 8 ศพ แต่ที่ไม่รู้อีกน่าจะเยอะมาก

 4. มีหญิงสาวและหญิงขายบริการหลายคนที่ทำแท้ง
แล้วนำซากเด็กทารกไปทิ้งไว้ในสระน้ำของโครงการลัดดาแลนด์เป็นจำนวนมาก
หลายคนบอกว่ามากกว่า 100 เลยทีเดียว

5. มีขี้ยาคนหนึ่งที่อัพยาเกินขนาดแล้วเกิดช็อคตายคาศาลาที่ริมสระน้ำของโครงกา ร
กว่าจะมีคนมาพบ ศพก็เน่าหมดแล้ว แต่บางแหล่งข่าวเล่าว่า
ที่ช็อคเพราะหัวใจวายเนื่องจากเห็นบางอย่างที่หน้าสะพรึงกลัวมากๆ 
(หน้าของศพดวงตาเบิกโพลง และลิ้นจุกปาก)
และสุดท้ายก็โดนเอาไปเป็นตัวตายตัวแทน
เพราะกัญชายังเหลืออยู่ข้างๆ ศพอีกเยอะเลย

6. มีการนำศาลพระภูมิรวมถึงตุ๊กตาสะเดาะเคาระห์มาทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก
จนทางเทศบาลต้องมารื้อไปทิ้งไว้นอกเมือง 
แต่ก็ไม่เคยทำได้สำเร็จ เพราะถึงจะย้ายไปไกลแค่ไหน 
วันรุ่งขึ้นตุ๊กตาและศาลเหล่านั้นก็จะกลับมาอยู่ ณ ที่เดิม โดยไม่ทราบสาเหตุ

7. มีหญิงสาวที่มาขอความรักกับต้นไทรแล้วผิดหวังในความรัก เลยมากินยาฆ่าแมลง
ตายใต้ต้นไทรหน้าหมู่โครงการลัดดาแลนด์โดยที่ทิ้งจดหมายไว้สั้นๆว่า "จะอยู่ข้างๆเธอตลอดไป"
หลังจากนั้น ชาวบ้านแถบนั้นเล่าว่า วิญญาณจะสิ่งอยู่ในตุ๊กตาสัตว์ที่วางไว้อยู่มากมายในโครงการ 

10 อันดับบ้านผีเฮี้ยนในประเทศไทย

1.ในซอยรามคำแหง 32 
ปล่อยให้ทิ้งร้างเก่าทรุดโทรมอย่างน่าใจหาย
ประวัติของบ้านมีว่าเจ้าของบ้านเป็นชาวต่างชาติ วันหนึ่งเจ้าของบ้านขับรถออกไปทำงานตามปกติ
ที่บ้านมีสาวใช้อยู่เพียงคนเดียว คนร้ายไม่ทราบจำนวน ซึ่งคงมาแอบสังเกตการณ์นานพอสมควรได้ฉวยโอกาสเข้าปล้น และฆ่าสาวใช้ตายคาที่ นับตั้งแต่นั้นมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ช่วยดังโหยหวนน่าสยดสยอง และยังเห็นผู้หญิง (เข้าใจว่าเป็นสาวใช้ที่ถูกฆ่าตาย) เดินวนเวียนวูบวาบอยู่ในบ้าน
เจ้าของบ้านทนอยู่ไม่ไหวต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น
เล่ากันว่าหลังจากนั้น มีคนได้ยินเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วย ดังมาจากบ้านร้างบ่อยๆ และมีคนเห็นผู้หญิงลึกลับ ยืนอยู่หน้าบ้านเป็นประจำเมื่อเข้าไปใกล้ก็หายไป

2.วัดมหาบุศย์ พระโขนง 
ที่วัดมหาบุศย์ ยังมีศาลย่านาคตั้งอยู่ สืบเนื่องมาจากตำนานรักของแม่นาคพระโขนง ที่รู้กันแพร่หลายเล่ากันว่า เมื่อผีแม่นาคอาลวาดหลอกหลอน จนชาวบ้านหาปกติสุขมิได้ เจ้าประคุณสมเด็จโต (วัดระฆั )ได้มานำวิญญาณแม่นาคไปพร้อมกับกระดูกกระโหลกหน้าผาก แล้วอบรมสั่งสอนให้รักษาศีล ปฏิบัติธรรม นัยว่าแม่นาคเลื่อนภพเป็นเทพแล้ว หากยังมีผีวนเวียนที่วัดมหาบุศย์คงมิใช่วิญญาณแม่นาคอย่างแน่นอน

3.ในซอยสายหยุด อู่รถเมลล์เก่า
ที่นี่เป็นสุสานรถเมลล์หรือรถโดยสารประจำทาง ที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนใช้การไม่ได้
ซากรถเมลล์แต่ละคันมีประวัติคนตายโหงคารถ ในสภาพสยดสยองมาแล้วและเป็นที่เล่าลือกันว่า อยู่ดีๆไฟในรถกลับเปิดสว่างขึ้นมาเอง หรือมีคนมายืนโบกรถหน้าอู่ แท๊กซี่จะเข้าไปจอดรับก็หายไป บางครั้งมีคนวิ่งตัดหน้า และหายไปดื้อๆ

4.ในซอยรอดอนันต์ 1 ถ.สุขาภิบาล1
เป็นบ้านร้างทรงไทยอยู่ริมบึงห่างไกลจากบ้านอื่นๆในระแวกนั้น บริเวณบ้านรกครึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย
คุณยายเจ้าของบ้าน เสียชีวิตที่บ้านหลังนี้ และน่าเชื่อว่า วิญญาณของคุณยายไม่ยอมไปผุดไปเกิด
แต่ยังคงวนเวียนอยู่ในบ้าน จนกระทั่งลูกหลานไม่กล้าอยู่ ต่างแยกย้ายไปอยู่ที่อื่นหมด
ปล่อยบ้านทิ้งร้างชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา และที่บ้านหลังนี้เล่าลือกันว่าผีดุนัก คนอยู่ระแวกใกล้เคียง เคยเห็นผีคุณยายมายืนชี้นิ้วอยู่ที่หน้าบ้าน เมื่อมีเด็กๆ วิ่งเล่นอยู่ในบริเวณหน้าบ้าน เคยมีคนใจกล้าเข้าไปในบ้าน ได้ยินเสียงผู้หญิงแก่ๆขู่ตะคอก จนต้องเผ่นออกมาแทบไม่ทัน

5.รังสิต คลอง 13
จากถนนใหญ่เข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร มีบ้านพักถูกไฟไหม้เกือบหมดทั้งหลัง แต่ยังเหลือซากบ้านอยู่ส่วนหนึ่ง ข้อมูลบางกระแสเล่าว่า มีผู้หญิงตายในไฟ บ้านหลังนี้อยู่ในสวนมะขามหวาน แต่ถูกทิ้งให้รกร้าง
คนในระแวกใกล้เคียงต่างยืนยันกันว่าตอนกลางคืน จะได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องโหยหวน มาจากซากบ้านบ่อยๆ พร้อมกันนั้นเคยมีคนเห็นผีผู้หญิงในบริเวณซากบ้านด้วย

6.ในซอยมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ถ.พัฒนาการ
เป็นโรงงานร้าง เมื่อก่อนนี้เป็นโรงงานทำปากกา และเป็นโรงกลึงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 80 ไร่ เหตุที่กลายเป็นโรงงานร้าง ชำรุดทรุดโทรม มีวัชพืชขึ้นปกคลุมรกครึ้มเช่นทุกวันนี้ ว่ากันว่าเจ้าที่เจ้าทางแรง ระหว่างที่ดำเนินงานอยู่ มีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุหลายคน ผู้ลงทุนขาดทุนย่อยยับจนต้องเลิกกิจการหากเดินเข้าไปในอาณาเขตโรงงานร้าง จะสัมผัสบรรยากาศยะเยือกผิดปกติ และเล่าลือกันว่าหากไปเคาะแท้งก์น้ำซึ่งตั้งอยู่ 3 ใบ 3 ครั้ง จะปรากฏเจ้าที่เจ้าทางออกมาให้เห็นทันที

7.วัดปราสาท จ.นนทบุรี 
เป็นวัดเก่าแก่โบราณ สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนกลาง เคยขุดพบกำแพงเมืองรอบอุโบสถอายุ 300 ปีด้านหลังอุโบสถ มีคุ้มเก่าแก่ชำรุดทรุดโทรม ว่ากันว่าเจ้าของสถานที่คือ พระนางอุษาวดีเทวี ชาวบ้านระแวกนั้นเรียกว่า "แม่" และ" เจ้าแม่ " เวลากลางคืนหากไปที่บริเวณคุ้มจะมีบรรยากาศวังเวงน่ากลัวมาก ผู้ใดไปแสดงกิริยาวาจาจ้วงจาบหยาบคาย ไม่เคารพผู้เป็นเจ้าของสถานที่ มักจะพบกับเหตุการณ์แปลกๆน่าขนหัวลุก

8.โรงงานร้างอยู่ในอุตสาหกรรมบางปู (ฝั่งเดียวกับเมืองโบราณ)
สถานที่อยู่สุดซอย 2 เมื่อก่อนนี้เป็นโรงงานทำรองเท้า ขณะที่กิจการกำลังดำเนินงานไปด้วยดี ได้เกิดอุบัติเหตุร้างแรง คือเครื่องปั้มลมเกิดระเบิดคนงานหลายคนเสียชีวิตสยอง นับตั้งแต่นั้นคนงานที่ทำงานอยู่ ถูกผีหลอกวิญญาณหลอน จนต้องทะยอยลาออกไปเรื่อยๆจนหมด กิจการประสบความวินาศ เจ้าของโรงงาน ยิงตัวตายในห้องทำงานชั้นบนของโรงงาน และกลายเป็นสถานที่รกร้างเรื่อยมา เล่าลือกันว่าผีดุมาก ปัจจุบันนี้ยังมีเศษรองเท้ากระจายเกลื่อนและปั้มลมมรณะก็ยังอยู่

9.ในซอยวัชรพล
เป็นบ้านทรงยุโรปหลังใหญ่ ซึ่งยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ถูกทิ้งร้างค้างคาอยู่ในสภาพเดิม เวลากลางคืนดูน่ากลัวชวนขนลุกยิ่ง และว่ากันว่ามีคนพบเห็นวิญญาณของชายหญิงและเด็ก ปรากฏวูบวาบบ่อยๆ สาเหตุที่บ้านหรูหลังใหญ่ กลายเป็นบ้านร้าง เนื่องจากเจ้าของบ้านหลังนี้ พาครอบครัวขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัด
และประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตหมดทุกคน

10.ในซอยวัชรพลเช่นกัน
เป็นหมู่บ้านร้างตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ ชื่อหมู่บ้านปิยพร คนเก่าคนแก่ในพื้นที่เล่าว่า ที่ดินส่วนนี้เคยเป็นป่าช้ามาก่อน เจ้าของโครงการ ไม่ได้ทำพิธีบอกกล่าวขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทาง ดังนั้นพอเริ่มงานก่อสร้าง จึงพบกับอุปสรรคนานาประการ ต่อมามีคนงานเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุหลายคน ในเขตหมู่บ้านมีบึงใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง ก็มีเด็กตกไปตาย 2-3 คน ประกอบกับบ้านในโครงการ ไม่มีผู้สนใจอย่างที่ประเมินเอาไว้ จึงต้องยุติโครงการ กลายเป็นหมู่บ้านร้างกลางกรุง พร้อมกันนั้นก็มีเสียงเล่าลือว่า ผู้ที่เข้าไปในเขตหมู่บ้านยามวิกาล มักจะพบวิญญาณแสดงตัวหลอกหลอนเล่นเอาขวัญหนีดีฝ่อ ไม่บังอาจกล้ำกลายเข้าไปอีก